Sites Found
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (1)

Go down

พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (1) Empty พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (1)

Post  Admin Wed Mar 18, 2009 3:12 am

นั่นน่ะสิ from past to present เล่นอะไรดีเอ่ย?...ความเป็นมาก็คือว่า เมื่อก่อนทำงานเป็นนักแปลรับเงินเดือน พอออกมาทำงาน เป็น freelance translator ก็ยังรับงานแปลจากบริษัทเดิมที่จ้างตัวเอง แต่รับเป็น job มาทำ แล้วก็คิดว่าถ้าได้รับงานจากลูกค้าโดยตรงก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะได้ค่าจ้างเต็ม 100% ไม่โดนกินหัวคืวไปตั้ง 50% พอเริ่มมีอินเตอร์เน็ต เราก็หูผึ่งเลยหละ เห็นมีพวก dot coms มากมายอลังการ เราก็เลยอยากจะหัดทำ websites กับเขาบ้าง จึงเริ่มต้นตั้งแต่เรียนภาษา html ด้วยตัวเอง เรียนๆไปขี้เกียจจำ ก็เลยเล่นเครื่องทุ่นแรงเลยคือใช้ FrontPage กดมั่วๆแต่ก็พอใช้งานเป็น แล้วก็ทำซ่าเอา Dreamweaver มากดมั่วก็ใช้งานเป็น ส่วนพวก graphics ฮาๆๆๆ ขี้เกียจเรียนอีก ก็เลยเอา web templates มาใส่เข้าไป ง่ายดี

แต่ก็อยากมี forum หรือกระดานสนทนากับเขาบ้าง ก็เลยหาตำรามาเรียนพวก javascripts, pearl กับ php อ่านๆไปแล้วปวดขมองเลยเลิกเรียน...555+++...ก็เผอิญโชคดีมี websites สำเร็จรูป กับ blogs มาให้บริการ จึงหัดใช้ดู แต่...

แต่อะไร? แต่เราก็ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์เรื่องหาลูกค้าที่จะมาจ้างเราแปลโดยตรงอยู่ดีนั่นแหละ ดูเหมือนว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะไปจ้างร้านแปลเอกสาร เพราะเห็นเป็นบริษัท โดยที่ลูกค้าไม่รู้ หรือรู้ก็ไม่สนใจว่าพวกเขาต้องได้งานมูลค่าแค่ครึ่งเดียวของเงินที่พวกเขาจ่ายไป เนื่องจากว่า ร้านแปลกินหัวคิวนักแปล 50% เมื่อสมัยก่อนโดนกินหัวคิวไป 50% นักแปลยังเหลือเงินเยอะ เพราะค่าครองชีพมันต่ำ แต่เวลาผ่านไป 15 ปี ค่าแปลหน้าร้าน บริษัทแปลขึ้นเพียงแค่เกือบๆ 100% แต่ค่าครองชีพมันขึ้นไปมากกว่านั้นอีกหลายๆเท่า ดังนั้น นักแปลก็จึงต้องรีบๆ แปลลวกๆไป ดังที่พี่นริทร์ซือเฮียคนโปรด (ที่ล่วงลับไปแล้ว) ของเรา บัญญัติศัพท์ขึ้นมาว่า "(งานแปล)ก๋วยเตี๋ยวเรือ" นั่นเอง แต่ก็โชคดีที่จากการที่เราไปรู้จักเพื่อนฝูงมากขึ้น ก็เลยมีเพื่อนฝูงแนะนำลูกค้าให้โดยตรง ที่ได้งานราคาดีขึ้น ซึ่งก็ทำให้เครียดน้อยลง แต่พอประเทศไทยโดนรัฐประหาร งานดีๆหายต๋อมไปหมด เลยเราต้องพยายามแปลหนังสือนิยายใหม่ หลังจากที่เคยแปลมาครั้งหนึ่ง แล้วหยุดแปลไปนานเนื่องจากว่า การแปลหนังสือมันได้เงินช้ากว่าแปลเอกสารมากๆ

แต่เรื่อง website นี้ ไอ้ความหวังที่จะทำมันเพื่อการตลาดหาลูกค้าแปล มันไม่ค่อยได้ผล เราก็เลยใช้มันเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยไป บางทีก็มีสาระ บางทีก็ไร้สาระ แต่พอมีข่าวเกรียวกราวเรื่องการขโมยข้อความจาก websites หรือจาก blogs เอาไปรวบรวมเป็นหนังสือแล้วเอาไปตีพิมพ์กัน ซึ่งช่วงนั้นเราก็เพิ่งเรียนรู้วิธีใช้ blog ของ google ได้จนคล่อง แต่ดันไปค้นพบว่า วันที่ของเขา มัน doctor ได้แฮะ...นั่นก็คือมันมี functions ที่เปลี่ยนวันที่ ให้เป็นวันที่อะไร เมื่อไหร่ก็ได้ คนเขียนก็เลยไม่รู้ว่าจะไปพิสูจน์ได้อย่างไรกันว่า เขาหรือโจรที่ขโมยไป ใครเขียนข้อความนั้นขึ้นมาก่อนกันแน่

ไอ้ใครขโมยข้อความที่เราเขียน แล้วเอาไปตีพิมพ์ แล้วถ้าเขาได้เงิน แล้วไม่แบ่งเรานะ เราคงไม่เดือดร้อนมากนักหรอก แต่พอนักท่องเวปเห็นเช้า แล้วทักท้วง ถ้าเผอิญหนังสือเขาพิมพ์ออกมาตั้งหลายครั้ง เผลอๆข้อความที่เราเขียนบนเวป ถ้าไม่ได้ลงวันที่ไว้ อยู่ดีๆ เขียนเกือบตายห่ะ ตัวเราเอง จะโดนฟ้องข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ (งานของตัวเอง) อีกต่างหาก เมื่อคิดเช่นนั้น แล้วก็เลยเลิกเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวไปค่อนข้างนาน เพราะพอจะเขียนอะไร ก็รู้สึกหวาดผวา ต้องคอยพิมพ์บทความส่ง email ถึงตัวเอง แล้วไม่ลบ คือเก็บ email นั้นไว้ เพื่อป้องกันตนเอง ซึ่งมันก็ยุ่งยากชะมัดเลย...ก็เลยอย่าไปเขียนอะไรมันดีๆ เลยจะดีกว่า

เคยลอง bloggang ของ pantip เวลาจะตรวจตัวสะกดหรือ update ทีหนึ่งก็ช้าเหลือเกิน วิธีเขียน bloggang ของ pantip ให้มีหลักฐานว่าคนเขียนหรือคนลอก สร้างสรรค์งานขึ้นมาก่อนกัน เห็นทีจะเป็นเขียนบทความสั้นๆ แล้วไปเขียนต่อช่วงสั้นๆ หลายๆช่วงในช่อง comments นั่นเอง หรืออีกวิธีหนึ่งนะ ก็เขียนมัน 2 copies ไว้ อันหนึ่งเขียนใน comments (มีวันที่) อยู่ใน sections ที่ใส่ password ไว้คนขโมยไม่รู้ว่ามีอีก copy และคนเขียนเอาใส่ตัว blog ยาวๆ มีวันที่ครั้งเดียว คือวันที่ซึ่ง update ล่าสุด แต่ใน comments ที่ซุกไว้ในที่ลับ มี "พัฒนาการไปตามขั้นตอน" คือ update ไปเรื่อยๆ แต่ของเดิม ยังทิ้งซากไว้ เพื่อจะได้พิสูจน์ได้ว่าขโมยมันจิ๊กไปตั้งแต่สมัยพัฒนาการช่วงไหน...นั่นเอง


Last edited by Admin on Tue Mar 24, 2009 3:48 pm; edited 13 times in total

Admin
Admin

Number of posts : 37
Registration date : 2009-01-19

https://sitesfound.board-directory.net

Back to top Go down

พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (1) Empty พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (2)

Post  Admin Wed Mar 18, 2009 3:15 am

ส่วนเรื่องการส่งงานสร้างสรรค์ของตนเองทาง email ถึงตนเองนั้น เราคิดขึ้นมาได้โดยย้อนคิดถึงอดีตตอนที่เดินๆเข้าไปในห้องสมุดในลอนดอน ตอนนั้นเราชอบอ่านแผ่นพับในห้องสมุดกับสถานที่ราชการของเขามากๆ เพราะให้ความรู้เรื่องสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายดีมากๆ ก็ไปเจอข้อความเรื่องวิธีสงวนลิขสิทธิ์งานสร้างสรรค์ของตนเองตามกฎหมายอังกฤษไว้

เขาว่ามีวิธีการสองอย่างคือ

1. เอางานสร้างสรรค์ใส่ซอง ปิดผนึก ตีตราครั่ง ส่งจดหมายลงทะเบียนถึงตนเอง พอได้รับแล้วเก็บไว้โดยไม่เิปิดซอง และเก็บเอาไว้ในสภาพเช่นนั้นไปตลอดกาล เผื่อว่าหากมีกรณีพิพาทกันเรื่องลิขสิทธิ์ ก็จะได้นำซองนั้นไปเปิดในศาลเพื่อเใช้ป็นหลักฐานยืนยันว่าใครเป็นผู้สร้างสรรค์งานชิ้นนั้นขึ้นมาก่อนกัน

2. เอางานสร้างสรรค์ไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไว้ที่หน่วยงานด้านนี้โดยเฉพาะ

ครั้นเมื่อมาถึงยุคอินเตอร์เน็ต เราจึงเอางานสร้างสรรค์ส่ง email ถึงตัวเอง แล้วเก็บมันไว้ตลอดกาลโดยไม่ลบมันทิ้ง และ email ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ yahoo นั่นเอง ด้วยเหตุผลที่ว่า มัน handles งานเขียนที่มีความยาวเป็นร้อยๆหน้าได้ (หรือมากกว่านั้น) ที่ส่งเป็นข้อความอยู่ใน mail เลย ไม่ใช่ attached file...การส่งเป็นตัว mail เลย พิสูจน์ว่าเขียนเมื่อวันที่เท่าไหร่ จะดูน่าเชื่อกว่า ส่วน hotmail นั้นคบไม่ได้ เพราะแค่จะใส่ข้อความ 20 - 30 หน้ามันก็ไม่รับแล้ว (ไม่รู้เดี๋ยวนี้ปรับปรุงแล้วหรือยัง) ส่วน gmail นั้น รับข้อความน่าจะได้เยอะนะ แต่วันดีคืนดี บางทีมันกลายเป็นภาษาขอมไปน่ะ เล่นเอาปวดหัวหลายทีแล้ว

ดังนั้น นักเขียนหรือนักแปลที่จะส่งงานไปให้สำนักพิมพ์ ที่ไหนพิจารณา ก็ควรส่งงานสร้างสรรค์ของตัวเองทาง mail ถึงตัวเองก่อน แล้ว เก็บ mail นั้นไว้เป็นหลักฐานก็จะปลอดภัยดี เพราะบางทีคุณอาจโดนใครแอบอ้างว่าเป็นสำนักพิมพ์แต่เป็นคาวบอยที่ไหนก็ไม่รู้ปลอมตัวมาขโมยผลงานคุณก็ได้ (เห็นโฆษณาว่าให้ส่งเรื่องไปให้ทางเน็ตบ่อยๆ) หรือบางทีคุณส่งไปสำนักพิมพ์ แต่ไปไม่ถึงมือกองบรรณาธิการ แต่โดนใครตัดหน้าขโมยไปขายกินเสียก่อนอะไรทำนองนี้ ก็จึงสมควรที่จะระวังป้องกันตนเองเอาไว้ เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีละเมิดลิขสิทธิ์(งานสร้างสรรค์ของตนเอง) ถ้าโดนใครขโมยงานไปนั่นเอง

Admin
Admin

Number of posts : 37
Registration date : 2009-01-19

https://sitesfound.board-directory.net

Back to top Go down

พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (1) Empty พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (3)

Post  Admin Wed Mar 18, 2009 5:09 am

เมื่อประมาณปลายปี 2008 นี้ เราซื้อ Notebook ยี่ห้อ Acer Aspire One มา แล้วอยู่ดีๆมัน boot ไม่ขึ้น ปิดเครื่องก็ไม่ได้ เลยต้องเล่นวิชามาร นั่นก็คือดึง battery ออก...555+++...พอโทรไปฝ่ายบริการลูกค้า ถามหาฝ่าย technical support พอบอกอาการ พนักงานเสียงใสๆตอบว่า "ต้องเอาเครื่องมาที่ศูนย์ค่ะ" เราเลยใช้ google ค้นข้อมูล โหเหลือเชื่อจริงๆ มีฝรั่งคนหนึ่ง (สงสัยเขาเป็น engineer ของ Acer) เขียนวิธี flash bios เครื่องรุ่นเราไว้ด้วยดิ จากนั้นเราจึงค้นข้อมูลจาก google อีกจนรู้วิธีลงโปรแกรมเครื่องรุ่นนี้ยกเครื่องใหม่หมดเลย (ตอนแรกไม่กล้าเสี่ยง format hard disk เพราะกลัวลง drivers ไม่ผ่าน) แล้วเล่นไปเล่นมากลายเป็นเรา flash bios ไปตั้งเป็นสิบๆครั้ง เครื่องรุ่นนี้ bios เดี้ยงบ่อยๆ ใคร flash bios เองไม่เป็น ถ้าใช้มันละก้อ อาจจะอยากผูกคอตายวันละ 500 รอบ...(แต่เอ่อ...ความจริงแล้ว ถ้าใช้งานมันปกติ bios มันคงไม่เดี้ยงง่ายๆหรอก แต่ที่มันเกิดขึ้นกับเรา ก็เพราะว่าเราพยายามปรับเปลี่ยน configurations มันหลายๆวิธี หลายๆครั้ง นั่นเอง) เอ่อ...แล้ววิธี backup operating system จากเครื่องรุ่นนี้ลงแผ่น DVD's นั้น มันไม่ได้ทำได้ง่ายๆเหมือนเครื่องรุ่นทั่วๆไป...กว่าจะลองผิดลองถูกจนทำได้สำเร็จนะ bios เราเดี้ยงไปเป็น 10ๆๆ รอบแน่ะ...แต่ก็มันดีแฮะ ทั้งมึนทั้งมันเลยหละ...เผลอๆใครใช้เครื่องรุ่นนี้ แล้วไม่ชอบ Windows XP Home ที่เขา bundled มาให้ จะมาจ้างเราลงโปรแกรมให้ใหม่ซิงๆ ก็ดีเหมือนกันนิ (เผื่อเราจะมีรายได้บ้าง...อิๆๆๆ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนักแปลด้วยกัน นั่นก็เพราะว่าเรามี software ที่เป็นเครื่องทุ่นแรงสำหรับนักแปลเอาไว้เพียบเลยหละ

ตอนนั้นเราหาข้อมูลอย่างเมามัน แล้วเล่นเลยเถิด (ไม่ทำงานตั้งหลายวันแน่ะ) แล้วหลงไปที่เวปหลายแห่งที่ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า สิ่งที่หลายๆคนเคยคิดกันว่า AdSense นั้นเป็นของหลอก มันทำแล้วไม่ได้เงินหรอก แต่พอค้นข้อมูลไปดีๆ พบว่า spider ของ google นั้น มันไม่ได้ไต่ไปหา social contents...มันไม่สนใจหรอกว่าคุณเขียนบทความเก่งแค่ไหน ให้ความรู้หรือความบันเทิงแก่ผู้คนมากแค่ไหน นั่นก็คือว่า คนที่เขียนบทความดีๆ มีประโยชน์ โฆษณา AdSense ไปแทบตาย ก็แทบจะไม่ได้เงินเลย จนเลิกทำไปเองนั่นแหละ (เผลอๆยังจะโดนมือดีจิ๊กข้อความที่เขียนไว้ ไปตีพิมพ์หากินอีกด้วยต่างหาก!)...แต่ความลับ มันก็มีอยู่ว่า การจัดเรียงลำดับ SERP's (search engine results pages) ว่า hits กี่ที กี่ที นั้น กติกาการจัดลำดับ keywords เพื่อ search engine optimization ซึ่ง google เก็บไว้เป็นความลับนั้น มันมีคนคิดชึ้นมาได้ว่า น่าจะเป็น ข้อความอะไรที่งี่เง่าที่สุด แบบว่า เผลอๆเป็นข้อความที่ล่อให้คนโลภเข้ามาอ่าน ดังเช่น make money online เป็นต้น

ตอนนี้นะ เราอยากจะศึกษาข้อมูลต่อ ใจจะขาดรอนๆอยู่แล้ว หากแต่ว่า เราแปลหนังสือเล่มหนึ่งให้สำนักพิมพ์ยังไม่เสร็จ ก็เลยต้องร้องเพลงรอไปพลางๆก่อน ยังไม่กล้าศึกษาเจาะลึก แต่ถ้าเรา make money จาก AdSense ได้สำเร็จนะ คุณจะเห็น forum นี้กลายพันธ์ไปเลยก็ได้นะ คือแทนที่จะเขียนเรื่องดีๆมีสาระ ก็จะกลายเป็นเขียนแต่เรื่องไร้สาระเพื่อให้ google spider มันไต่มาเจอ forum เรานั่นเอง...แต่แหมฝันไปไกลขนาดนั้น นี่ยังไม่ได้สมัคร AdSense เลย...

Admin
Admin

Number of posts : 37
Registration date : 2009-01-19

https://sitesfound.board-directory.net

Back to top Go down

พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (1) Empty Re: พยายามเรียนวิธีทำ websites เอง เพื่อรับงานแปล แต่คอนนี้กลายเป็นอะไรไป? (1)

Post  Sponsored content


Sponsored content


Back to top Go down

Back to top


 
Permissions in this forum:
You cannot reply to topics in this forum